ความเป็นมา กาพย์เห่เรือ

เนื้อหา
กาพย์เห่เรือ (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖)

ประวัติผู้แต่ง

  เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร หรือเจ้าฟ้ากุ้ง

๑. ทรงเป็นกวีเอกในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
๒. เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและพระพันวสาใหญ่
๓. ทรงพระนิพนธ์วรรณกรรมทางศาสนา
เช่น นันโทปนันทสูตรคำหลวง พระมาลัยคำหลวง
     งานพระนิพนธ์อื่นๆ เช่น กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง        
     กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท กาพย์เห่เรื่องกากี และกาพย์เห่เรือ
๔. พระองค์ได้รับสมญานามว่าเป็นบรมครูทางกาพย์.

สาเหตุที่แต่ง

           เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงนิพนธ์กาพย์เห่เรือขึ้นเมื่อครั้นทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคลและได้ตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี อันเป็นธรรมเนียมที่ได้ปฏิบัติกันสืบมา   ตลอดสมัยอยุธยา  ตั้งแต่ได้พบรอยพระพุทธบาท เมื่อปี พ.ศ.๒๑๔๙  ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม โดยได้มีการตั้งพระราชนิเวศน์ตำหนักฟากตะวันออกของตำบลท่าเรือ  ชื่อว่า พระตำหนักท่าเจ้าสนุก  ไว้ประทับพักแรมเพื่อเสด็จต่อชลมารคอีก ๒ วัน     นับแต่นั้นจึงมีการเดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาทโดยอาศัยทางแม่น้ำป่าสักไปขึ้นที่ตำบลท่าเรือเป็นประจำตลอดมา      ขบวนเสด็จของพระเจ้าแผ่นดินเพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีนั้นเอิกเกริกและเกรียงไกรยิ่งนัก ยิ่งถ้าเป็นการเสด็จพยุหยาตราทางชลมารคครั้งหลังจะมีการเตรียมการอย่างยิ่งใหญ่

ลักษณะการแต่ง
๑.  ร้อยกรอง  ประเภทกาพย์เห่เรือ จบด้วย กาพย์ห่อโคลง (บางตำราใช้กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ )
๒. กาพย์เห่เรือ ๑ บท  ประกอบด้วย   โคลงสี่สุภาพนำ ๑ บท  แล้วกาพย์ยานี  ๑๑ ไม่จำกัดจำนวนบท  โดยให้กาพย์ยานี ๑๑ บทแรก มีเนื้อความเดียวกันกับโคลงสี่สุภาพที่นำกาพย์


ประวัติความเป็นมา
๓.๑  เห่  เป็นคำกริยา  หมายถึง  กล่อม เช่น  เห่ลูก
๓.๒  เห่  เป็นคำวิเศษณ์  หมายถึง เสียงอย่างกล่อมลูก
๓.๓  เห่ เป็นคำนาม   หมายถึง ทำนองที่ใช้ร้องในบางพระราชพิธี เช่น
     เห่เรือ  ใช้ร้องเมื่อเวลาพายเรือพระที่นั่งในกระบวนพยุห ยาตราทางชลมารค
     เห่กล่อม ใช้ร้องในพระราชพิธีขึ้นพระอู่พระเจ้าลูกเธอ
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเดิมอินเดียใช้ขับร้องบูชาพระรามพระลักษมณ์
แล้วไทยนำมาใช้เพื่อผ่อนคลายเวลาพายเรือ และเพื่อให้จังหวะฝีพายให้พายเรือไปพร้อม ๆ  กัน



t-sus (ต้น)ออฟไลน์
โสดอยุ่นะครับหา ...
UID
147948 
โพสต์แล้ว
854 
หัวข้อสำคัญ
เครดิต
1212 
ระดับการใช้งาน
50 
ที่อยู่
หาคนเเต่งด้วย ... ... 
ออนไลน์
1 ชัวโมง 
ลงทะเบียนเมื่อ
9-8-2009 
เข้าระบบล่าสุด
27-2-2010 
สเปชไปยัง Home Pageดูโปรไฟล์




การเห่เรือ
ระเบียบการเห่เรือพระราชพิธีกำหนดไว้ว่า
๑.  ถ้าเห่ในกระบวนพยุหยาตราน้อย   ต้นบทเห่ (พนักงานเห่) เห่ในเรือทรงผ้าไตร
๒.  ถ้าเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่   ต้นบทเห่ (พนักงานเห่) เห่ในเรือพระที่นั่งทรง
    ห่างจากบุษบก ๑ เมตร นั่งคุกเข่าพนมมือในเวลาเห่
๓.  ถ้าเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ เมื่อ วันที่ ๕  เมษายน  ๒๕๒๕   ต้นบทเห่ (พนักงานเห่)  เห่ในเรือพระที่นั่งอันตนาคราช อันเป็นเรือทรงพระชัยหลังช้าง
   ต้นบทเห่ (พนักงานเห่) จะเห่นำดังนี้
          ๑.  เกริ่นและช้าลวะเห่  ต้นบทเห่จะเริ่มเกริ่นโคลงและเห่ทำนองช้าลวะเห่ เมื่อเรือพระที่นั่งเคลื่อนออกจากท่าเข้าอยู่ในกระบวนเรียบร้อยแล้ว ฝีพายจะเริ่มจังหวะเดินพายเมื่อรับลูกคู
          ๒.  มูลเห่  หลังจากเห่ทำนองช้าลวะเห่ไปแล้วประมาณ ๒ - ๓ บท ต้นบทเห่จะเปลี่ยนทำนองเป็นมูลเห่ ฝีพายจะพายจ้ำ ๓ ทีส่งทายทุกบท
          ๓.  สวะเห่  ใช้เห่เมื่อเรือใกล้ถึงที่หมาย เป็นสัญญาณให้ฝีพายเตรียมตัว

เนื้อเรื่อง
๑. ตอนเช้า  -  บทเห่ชมกระบวนเรือ
       กล่าวถึงขบวนพยุหยาตราทางชลมารค  โดยมีเรือพระที่นั่งกิ่งและเรือต่างๆ  ที่มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ เป็นเห่ชมขบวนเรือได้แก่  เรือครุฑยุดนาค  เรือไกรสรมุข  เรือสมรรถชัย  เรือสุวรรณหงส์  เรือชัย  เรือคชสีห์ เรือม้า  เรือสิงห์  เรือนาคา  เรือมังกร  เรือเลียงผา  เรืออินทรี
- เรือสุวรรณหงส์เป็นเรือที่ได้รับการย่องว่าสวยงามที่สุดในโลก
- เรือครุฑยุดนาคเป็นเรือที่มีเรื่องราวในวรรณคดี
๒. ตอนสาย - บทเห่ชมปลา ได้แก่
    ปลานวลจันทร์  ปลาคางเบือน  ปลาตะเพียนทอง  ปลากระแห   ปลาแก้มช้ำ  ปลาทุก   ปลาน้ำเงิน   ปลากราย        ปลาหางไก่      ปลาสร้อย    ปลาเนื้ออ่อน   ปลาเสือ   ปลาแมลงภู่  ปลาหวีเกศ   ปลาชะแวง   ปลาชะวาด     ปลาแปบ
     ปลาที่กล่าวว่ามีความนัยแฝงชีวิตเจ้าฟ้ากุ้งคือ  ปลาเนื้ออ่อน
๓. ตอนบ่าย -  บทเห่ชมดอกไม้ ตามชายฝั่ง  ได้แก่
  ดอกนางแย้ม  ดอกจำปา ดอกประยงค์ ดอกพุดจีบ ดอกพิกุล  ดอกสุกรม ดอกสายหยุด  ดอกพุทธชาด  ดอกบุนนาค  ดอกเต็ง  ดอกแต้ว  ดอกแก้ว  ดอกกาหลง   ดอกมะลิวัลย์  และดอกลำดวน  
มีการกล่าวถึงเป็นพิเศษ  "บุหงารำไป" ซึ่งเป็นดอกไม้แห้งอบหอม  ห่อด้วยผ้าโปร่ง
๔.  ตอนเย็น  - บทเห่ชมนก ได้แก่
  นกยูง นกสร้อยทอง นกสาลิกา นกนางนวล นกแก้ว นกไก่ฟ้า นกแขกเต้า นกดุเหว่า  นกโนรี นกสัตวา
๕.  ตอนดึก   -   บทเห่ครวญ
   คร่ำครวญถึงหญิงที่ตนรักในยามค่ำคืน ตามลำดับเวลา  ยามสอง  ยามสาม   จนถึงใกล้รุ่ง

ลักษณะพิเศษของกาพย์เห่เรือ        
๑. ลักษณะของสำนวนและความหมาย  ใช้สำนวนกะทัดรัด มีความหมายเด่นชัดเข้าใจง่ายและมีน้ำหนักอย่างเหมาะสม เช่น                               
                พระเสด็จโดยแดนชล                ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย                    
กิ่งแก้วแพรวพรรณราย                              พายอ่อนหยับวับงามงอน           
๒. ลักษณะถ้อยคำ ใช้ถ้อยคำเกลี้ยงเกลาสละสลวย ไพเราะด้วยการสัมผัสและทำให้เกิดภาพพจน์ เช่น                            
               เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ                    เนื้อน้องหรืออ่อนทั้งกาย        
ใครต้องข้องจิตชาย                                  ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง            
๓. ลักษณะการพรรณนา การพรรณนาความรู้สึกลึกซึ้งและแยบคายมาก เช่น     
                แก้มช้ำช้ำใครต้อง                     อันแก้มน้องช้ำเพราะชม                    
ปลาทุกทุกข์อกตรม                                   เหมือนทุกข์ที่พี่จากนาง           
๔. ลักษณะอารมณ์ เกิดอารมณ์สะเทือนใจ เช่น                                
               เพรางายวายเสพรส                    แสนกำสรดอดโอชา                     
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา                                      อิ่มโศกาหน้านองชล        
๕. ลักษณะการแต่ง แต่งถูกต้อง มีการเล่นอักษร มีสำนวนอุปมาอุปไมย  เช่น                                 
               รอนรอนสุริยโอ้                         อัสดง                                                   
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง                                 ค่ำแล้ว                                         
รอนรอนจิตจำนง                                     นุชพี่ เพียงแม่                             
เรื่อยเรื่อยเรียมคอบแก้ว                              คลับคล้ายเรียมเหลียว





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ไตรภูมิพระร่วง

นิทานพื้นบ้าน 6 เรื่อง